7 ผลไม้ต้านมะเร็งเต้านม ที่คุณสาว ๆ ต้องรู้ !

มะเร็งเต้านม เป็นโรคร้ายที่เชื่อว่าไม่มีใครอยากจะให้เกิดขึ้นกับตัวเอง และแม้ว่าความเสี่ยงโรคมะเร็งเต้านมจะเกิดขึ้นจากพฤติกรรมการรับประทานอาหารเป็นส่วนใหญ่ แต่รู้ไหมว่าเรายังมีอีก 7 ผลไม้ต้านมะเร็งเต้านม อยู่บนโลกใบนี้ด้วย

โรคมะเร็งเต้านม เป็นโรคที่ผู้หญิงหลายคนหวาดกลัวกันเป็นอันดับต้นๆ เพราะหากเต้านมมีปัญหาแล้ว ย่อมทำให้เกิดการลุกลามของเซลล์ จนอาจถึงขั้นต้องผ่าตัดเต้านมทิ้งไปทั้งสองข้างเลยทีเดียว ซึ่งในบางคน แค่ผ่าตัดเต้านมทิ้งไปข้างเดียวก็สามารถสร้างความเครียด และยังทำลายความมั่นใจในตัวเอง

โรคมะเร็งเป็นโรคที่พบเจอในผู้หญิงค่อนข้างสูง เราจึงต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินใหม่ โดยลดอาหารที่เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านม ไม่ว่าจะเป็นไขมัน อาหารหวาน อาหารที่มีสีผสม เนื้อสัตว์ และของหมักดอง เป็นต้น โดยราควรหันกลับมากินอาหารที่ต้านมะเร็ง และจะได้ประสิทธิผลสูงสุด

ดังนั้น เพื่อที่จะให้ผู้หญิงสนใจเรื่องนี้มากขึ้น เราจึงแนะนำรายการอาหารที่คุณควรรีบหามารับประทาน เพื่อสุขภาพของคุณเอง ผลไม้ต้านมะเร็งเต้านมกินป้องกันไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ จะได้สะบัดความเสี่ยงโรคร้ายนี้ไปให้ไกล ดังนั้น ไปดูพร้อมกันกับ Boostuplifecenter เลยว่ามีผลไม้ต้านมะเร็งเต้านมอะไรบ้างที่รอให้เรารับประทานอยู่

1. ทับทิม

ทับทิม จัดเป็นผลไม้ที่มีต้นกำเนิดต่างถิ่น แต่นิยมปลูก และรับประทานมากในปัจจุบัน เนื่องจาก ผลมีเนื้อหุ้มเมล็ดที่ให้น้ำฉ่ำหวานอมเปรี้ยวที่อุดมไปด้วยสารอาหาร และสารที่ออกฤทธิ์ทางยาหลายชนิด รวมถึงทั้งลำต้นสามารถนำมาใช้เป็นยาสมุนไพรสำหรับบรรเทา และรักษาโรคได้หลายชนิด

ทับทิมยังถือว่าเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพ โดยประโยชน์ของทับทิมและสรรพคุณของทับทิมนั้นมีมากมาย ด้วยทับทิมนั้นเป็นผลไม้ที่มีรสหวานออกเปรี้ยว น้ำทับทิมจึงมีวิตามินซีสูงและยังประกอบด้วยเกลือแร่ต่าง ๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย จึงช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี และนอกจากนี้ยังมีสรรพคุณเป็นยารักษาโรคได้อีกด้วย เช่น บรรเทาอาการของโรคหัวใจ รักษาความดันโลหิตสูง ช่วยลดสภาวะการแข็งตัวขอเลือด รักษาโรคท้องเดิน โรคบิด
ทับทิม มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง และมีฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบที่มีชื่อว่า โพลีฟีนอล ที่เป็นที่รู้จักกันดีว่าช่วยต่อต้านโรคมะเร็ง 

จากผลงานวิจัยเร็ว ๆ นี้พบว่าทับทิมอาจช่วยต่อต้านมะเร็งได้จากสารเคมีจากพืชที่มีชื่อว่า เอลลาจิแทนนิน ที่มักพบในทับทิมจำนวนมาก ซึ่งจะเข้าไปช่วยควบคุมการทำงานของเอนไซม์ Aromatase ที่เพิ่มระดับการสร้างฮอร์โมนที่หน้าอก น้ำทับทิมอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดที่มีประสิทธิภาพค่อนข้างสูง และยังมีไฟโตนิวเทรียนท์ รวมถึงกรดเอลลาจิก
ที่มีคุณสมบัติช่วยป้องกันการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ในร่างกายมนุษย์ และยับยั้งการขยายตัวของเซลล์ผิดปกติซึ่งอาจจะกลายเป็นเซลล์มะเร็งได้ โดยเฉพาะเซลล์มะเร็งผิวหนัง มะเร็งลำไส้ มะเร็งตับ มะเร็งเต้านม และมะเร็งต่อมลูกหมาก

2. ส้ม

ในทางวิทยาศาสตร์ ส้ม เป็นไม้ผลในวงศ์ Rutaceae ซึ่งจัดว่าเป็นพืชทางเศรษฐกิจที่นิยมปลูกกันทั่วโลก มีถิ่นกำเนิดในเขตร้อนและกึ่งร้อนของทวีปเอเชียและเกาะมลายู

สำหรับในประเทศไทยนั้น ไม่มีบันทึกที่แน่นอนว่ามีการปลูกส้มตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่จากบันทึกที่เป็นหลักฐานของชาวฝรั่งเศสที่ได้รับการแปลและตีพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษ พบว่าใน พ.ศ. 2236 ก็ได้มีการกล่าวถึงผลไม้ชนิดนี้แล้ว โดยในบันทึกนี้ได้กล่าวถึงส้มอยู่ 3 ชนิด ได้แก่ ส้มโอ ส้มแก้ว และมะกรูด แต่ส้มที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง คือ ส้มเขียวหวาน นั้น เพิ่งจะมีการปลูกกันเมื่อประมาณร้อยปีนี่เอง ส้มชนิดนี้เกิดการจากการเพาะเมล็ดของส้มแก้ว และกลายพันธุ์จนเป็นส้มเขียวหวาน ตอนแรกก็มีแต่ในเฉพาะบริเวณภาคกลาง แต่เมื่อได้รับความนิยมมากขึ้น ก็ได้กระจายไปปลูกในพื้นที่อื่นๆ 

ในเนื้อส้มมีสารต้านอนุมูลอิสระประเภทฟลาโวนอยด์ค่อนข้างสูง ซึ่งเจ้าสารตัวนี้มีคุณสมบัติช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งเต้านมได้ อีกทั้งเนื้อส้มที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์ก็ยังจะช่วยขับเอาของเสียที่ตกค้างอยู่ในลำไส้ออกมา จึงช่วยลดโอกาสเสี่ยงโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้อีกทาง สารต้านอนุมูลอิสระผสานกับพลังแห่งวิตามินซีมีส่วนช่วยปกป้องเซลล์ผิวจากการถูกแสงแดดทำร้าย ปกป้องผิวจากมลพิษ ช่วยลดการเกิดริ้วรอย และช่วยบำรุงเซลล์ผิวให้แข็งแรง

ทำให้ผิวดูกระชับตึงมากขึ้น เนื่องจากวิตามินซีเป็นสารตั้งต้นของคอลลาเจน ผลการศึกษาของ Texas A&M University เผยว่า นอกจากส้มจะเปี่ยมไปด้วยวิตามินซีแล้ว ในส้มและผลไม้ตระกูลส้มยังมีคุณสมบัติต้านมะเร็งได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะกับโรคมะเร็งเต้านม เนื่องจากมีสารแคโรทีนอยด์ค่อนข้างสูงนั่นเอง

3. มะละกอ

มะละกอ เป็นไม้ผลที่มีถิ่นกำเนิดเดิมในเขตร้อนของทวีปอเมริกากลาง ได้แก่ ประเทศเม็กซิโก และคอสตาริกา โดยสเปนเอาพันธุ์มะละกอมาจากฝั่งทะเลแคริบเบียนของปานามา และโคลัมเบียมาเผยแพร่ราว พ.ศ. 2069

ประโยชน์ของการรับประทานมะละกอ ช่วยบำรุงประสาทและสมองได้เป็นอย่างดี ช่วยในการย่อยอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากอุดมไปด้วยเอนไซม์ช่วยในการย่อยอาหาร ช่วยแก้ปัญหาท้องผูกได้ เนื่องจากมะละกอสุกถือเป็นยาระบายอ่อนๆ 
ช่วยป้องกันโรคลักปิดลักเปิด หรือโรคเลือดออกตามไรฟัน และยังมีส่วนช่วยในการป้องกันการเกิดโรคนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะได้ อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด 

ซึ่งมีส่วนช่วยให้สุขภาพแข็งแรง ช่วยชะลอวัย และบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง สดใส ผลงานวิจัยชิ้นหนึ่งอ้างว่า การรับประทานมะละกอเป็นประจำ ช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งเต้านมได้เป็นอย่างดี

4. มันเทศ

มันเทศ อุดมไปด้วยแหล่งอาหารสำคัญ เช่น คาร์โบไฮเดรต เส้นใยอาหาร วิตามิน เอ วิตามิน ซี แคลเซียม โพแทสเซียม และสารต้านอนุมูลอิสระเบต้าแคโรทีน ทำให้มีความเชื่อว่า มันเทศอาจมีประโยชน์ต่อสุขภาพ และอาจรักษาหรือป้องกันโรคบางชนิดได้

มันเทศก็เป็นผลไม้สีส้มอีกหนึ่งชนิด ที่นอกจากจะมีคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เบต้าแคโรทีน ไฟเบอร์ วิตามินอี วิตามินซี ไรโบฟลาวิน โพลีฟีนอล สารต้านอนุมูลอิสระ และกรดคาเฟอิก ในมันเทศหรือมันหวานยังเปี่ยมไปด้วยกรดคาเฟโออิวควินิก ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดความเสี่ยงโรคมะเร็งเต้านมด้วย แต่ทั้งนี้สาว ๆ ก็อย่าเผลอกินมันเทศแบบจัดหนักเกินไป เพราะอย่าลืมว่ามันเทศเป็นพืชหัวที่มีคาร์โบไฮเดรตอยู่เยอะ ดังนั้นหากไม่อยากอ้วนก็พยายามอย่ากินเป็นของว่างมื้อดึกก็แล้วกัน

5. ลูกพีช

ลูกพีช หรือลูกท้อ เป็นผลไม้ชนิดแรกที่ทำรายได้ให้กับชาวเขาทดแทนการปลูกฝิ่น จากสายพระเนตรอันยาวไกลของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และมีการพัฒนาคุณภาพให้ดีขึ้นมาเรื่อย ๆ
คุณค่าอาหารและสรรพคุณ ลูกท้อ มีวิตามินเอบำรุงสายตา วิตามินซีป้องกันโรคหวัด โรคเลือดออกตามไรฟัน แคลเซียมและฟอสฟอรัสช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟัน เมล็ด ใช้แก้ไอ บำรุงโลหิต ช่วยให้ลำไส้และหัวใจทำงานเป็นปกติ ดอก กินเป็นยาระบาย ขับปัสสาวะ ใบ ช่วยขับพยาธิ

ลูกพีช มีสรรพคุณ มากมาย มีทั้งวิตามินเอที่ช่วยบำรุงสายตา มีวิตามินซีป้องกันโรคหวัด และโรคเลือดออกตามไรฟัน ให้แร่ธาตุแคลเซียมและฟอสฟอรัสช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟัน ทั้งยังแก้โรคหอบหืด

นักวิจัยจาก Texas A&M University พบว่า ลูกพีชและพลัมมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงพอ ๆ กับซูเปอร์ฟู้ดอย่างบลูเบอร์รีเลยทีเดียว อีกทั้งยังมีโพลีฟีนอลซึ่งช่วยปราบเซลล์มะเร็งเต้านมได้อีกต่างหาก

6. ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่

ผลไม้ตระกูลเบอร์รี ตระกูลเบอร์รี่มีมากมายหลายชนิด ที่เราคุ้นเคยกันได้แก่ บลูเบอร์รี่ สตรอว์เบอร์รี่ แครนเบอร์รี่ และราสป์เบอร์รี่ นอกจากนี้ยังมีเบอร์รี่ชนิดอื่นๆ อีก ได้แก่ บอยเซนเบอร์รี่ (Boysenberry) ฮัคเคิลเบอร์รี่ (Huckleberry) และ เอลเดอร์เบอร์รี่ (Elderberry)

เบอร์รี่เหล่านี้เป็นผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก และจัดว่ามี ค่าออแรค (ORAC Score ย่อมาจาก Oxygen Radical Absorbance Capacity) อยู่ใน 20 อันดับแรก ในบรรดาเบอร์รี่ทั้งสี่ชนิดนี้ บลูเบอร์รี่จัดว่ามีค่าออแรคสูงที่สุด 

สารอาหารสำคัญในเบอร์รี่คือ วิตามินซี กรดโฟลิก โพแทสเซียม และใยอาหาร รวมทั้ง สารพฤกษเคมีในกลุ่มสารฟลาโวนอยด์ ที่มีชื่อว่า สารโปรแอนโทไซยานิน (Proanthocyanin) และ แอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ที่ทำให้ผลไม้เบอร์รี่มีสีจัดเข้ม ให้ประโยชน์ในการเพิ่มภูมิต้านทานการป้องกันโรคเรื้อรังมากมาย นอกจากนี้ยังมีแคลอรีต่ำอีกด้วย 

ผลไม้ชนิดนี้อุดมไปด้วยสารฟลาโวนอยด์ สารต้านอนุมูลอิสระ และสารที่มีคุณสมบัติต้านเซลล์มะเร็งร้าย โดยผลการวิจัยก็พบว่า ผลไม้ตระกูลเบอร์รี โดยเฉพาะบลูเบอร์รีมีสารพฤกษเคมีจำพวกแอนโทไซยานิน (Anthocyanins) สูง ซึ่งช่วยชะลอการเกิดเซลล์มะเร็ง และลดเซลล์มะเร็งเต้านมได้ถึง 60-75% เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้กินบลูเบอร์รีเป็นประจำ

7. มังคุด

มังคุด เป็นผลไม้ที่มีรสหวาน อมเปรี้ยว มีกลิ่นหอม เป็นที่นิยมของทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ

มังคุดเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งที่น่าจะมีประโยชน์ต่อผู้ป่วยมะเร็ง จากสารแซนโทนที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) และนอกจากนี้ยังสารพวกคาเทชิน โพลีฟีนอล เกลือแร่ และวิตามิน ซึ่งมีประโยชน์ต่อผู้ป่วยโรคมะเร็งอีกด้วย สารสกัดของมังคุดมีฤทธิ์ต้านเซลล์มะเร็งหลายชนิดในหลอดทดลอง เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งตับ มะเร็งเม็ดเลือดขาว

ทั้งยังมีฤทธิ์ต้านเนื้องอกโดยแสดงฤทธิ์ต้านเนื้องอกในหนูถีบจักร และต้านมะเร็งที่เกิดในเนื้อเยื่อ ยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็งได้ สารสกัดจากมังคุดช่วยสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิด TH1 และ TH 17 ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยกำจัดและป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็งเกือบทุกชนิดได้ ไม่เว้นแม้แต่มะเร็งเต้านม อีกทั้งเซลล์เม็ดเลือดขาว TH1 ยังเป็นสารกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกายให้แข็งแรง สามารถช่วยป้องกันโรคได้ดีขึ้น โดยเฉพาะการปกป้องเซลล์ในร่างกายไม่ให้กลายเป็นเซลล์มะเร็งร้าย